วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

ด่วน ศาล รธน.รับคำร้องคดีคลิปฮุนเซน สั่ง 'แพทองธาร' หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ

 


ข่าวด่วน "ศาลรัฐธรรมนูญ" มีมติ 7: 2 คำสั่งให้ 'แพทองธาร ชินวัตร' หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี หลังศาล 9 : 0 รับคำร้องถอดถอนปมคลิปเสียงคุย "ฮุน เซน" ที่ถูกตั้งข้อสงสัยอาจส่งผลต่อความมั่นคงชาติ และจริยธรรมของนายกรัฐมนตรี.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (1 ก.ค. 2568) ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 9 ต่อ 0 ให้รับคำร้องและมีมติ 7 ต่อ 2 ให้นายกฯหยุดปฎิบัติหน้าที่ หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมเมื่อเวลา 09.00 น. พิจารณารับหรือไม่รับคำร้องถอดถอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรณีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา

 

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2568 สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ประกาศลงชื่อยื่นถอดถอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) และไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง

 

กรณีมีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เกี่ยวกับความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทยกับกัมพูชา รวมทั้งจะมีการยื่นเอาผิดกับ น.ส.แพทองธาร ต่อองค์กรต่างๆ ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ต่อมาในวันที่ 20 มิ.ย.2568 นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้ลงนามในหนังสือและยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 86 ว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรี ของ น.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ 

 

สำหรับคำร้องของ ประธานวุฒิสภา ที่ยื่นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ กรณี สว. จำนวน 36 คน ได้ยื่นคำร้องผ่านประธานวุฒิสภาไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ศาลฯว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรี ของ น.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ มีรายะเอียด ดังนี้

 

ขอยื่นคำร้อง โดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 โดยมีข้อเท็จจริงและคำขอให้ศาลรัฐธธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ดังต่อไปนี้

 

ขอยื่นคำร้อง โดยอาศัยอำนาจตามรัฐธธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตร 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ ซึ่งเป็นการยื่นคำร้องตามที่สมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ร้องขอ

ประธานวุฒิสภามิได้เป็นผู้ร้อง แต่เมื่อรับคำร้องแล้ว ประธานวุฒิสภามีหน้าที่ต้องส่งคำร้องนั้น ไปยังศาลรัฐธธรรมนูญตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง ของรัฐธธรรมนูญ ซึ่งเป็นไปตามแนวทางที่เคยปฏิบัติมาของการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีการกำหนดให้ผู้นำองค์กรต้องเป็นผู้ลงนามในแบบคำร้อง แม้ว่าประธานสภาจะมิได้เป็นผู้ร้อง แต่แบบคำร้องกำหนดให้ประธานวุฒิสภาเป็นผู้ลงนาม

 

ประธานวุฒิสภา จึงมีหน้าที่ต้องส่งคำร้องดังกล่าวมายังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ

 

ข้อเท็จจริง

ข้อ 1 ด้วย พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา และสมาชิกวุฒิสภา รวม 36 คน ได้อาศัยอำนาจตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง เข้าชื่อเสนอคำร้องต่อประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัย หรืออนุญาตหรือมีคำสั่งในเรื่องต่างๆ ดังนี้

 

(1) พิจารณาวินิจฉัยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง เป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) เป็นเหตุให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5)

 

(2) ขอศาลรัฐธรรมนูญโปรดมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 71 ประกอบข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2562 ข้อ 40 (8)

 

(3) รับทราบหรืออนุญาตให้คณะสมาชิกวุฒิสภา ผู้ร้อง รวมจำนวน 36 คน มอบให้ พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สมาชิกวุฒิสภา เป็นผู้มีอำนาจยื่นคำร้อง คำร้องเพิ่มเติม ขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องหรือคำร้องเพิ่มเพิ่มเติม ยื่นบัญชีระบุพยานต่างๆ ยื่นคำร้อง คำแถลงการณ์เปิดและปิดคดี คำแถลง คำชี้แจง ให้การ ให้ถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็น และเบิกความต่อศาล ดำเนินกระบวนพิจารณา หรือดำเนินการใดๆทั้งปวง ในคดีนี้ต่อประธานวุฒิสภาและศาลรัฐธรรมนูญแทนสมาชิกวุฒิสภาทุกคนจนเสร็จการ

 

ทั้งนี้ ดังมีรายละเอียดปรากฏตามคำร้องและเอกสารประกอบของ พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา และสมาชิกวุฒิสภา ที่ร่วมกันเข้าชื่อเสนอคำร้องต้องต่อประธานวุฒิสภา ดังมีรายชื่อแนบท้ายคำร้องนี้

 

ข้อ 2 สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้ตรวจสอบลายมือชื่อของผู้เสนอคำร้องแล้ว เห็นว่ามีสมาชิกวุฒิสภาร่วมกันเข้าชื่อเสนอคำร้อง รวม 36 คน ถือว่ามีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา ตามบทบัญญัติมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่งของรัฐธรรมนูญแล้ว ประธานวุฒิสภาจึงต้องส่งคำร้องดังกล่าวเพื่อให้ศาลรัฐธธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย

 

คำขอให้พิจารณาวินิจฉัย

พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา และสมาชิกวุฒิสภา รวม 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า

1.ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ 

 

2.ขอศาลรัฐธรรมนูญโปรดมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 71 ประกอบข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2562 ข้อ 40 (8)

 

3.รับทราบหรืออนุญาตให้คณะสมาชิกวุฒิสภา ผู้ร้อง รวมจำนวน 36 คน มอบให้ พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สมาชิกวุฒิสภา เป็นผู้มีอำนาจยื่นคำร้อง คำร้องเพิ่มเติม ขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องหรือคำร้องเพิ่มเพิ่มเติม ยื่นบัญชีระบุพยานต่างๆ ยื่นคำร้อง คำแถลงการณ์เปิดและปิดคดี คำแถลง คำขี้แจง ให้การ ให้ถ้อยคำหรือให้ถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็น และเบิกความต่อศาล ดำเนินกระบวนพิจารณา หรือดำเนินการใดๆ ทั้งปวง ในคดีนี้ ต่อประธานวุฒิสภาและศาลรัฐธรรมนูญแทนคณะสมาชิกวุฒิสภาทุกคนจนเสร็จการ


วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568

จานดาวเทียม

 


จานดาวเทียม
 หรือจานรับสัญญาณดาวเทียมหมายถึง สายอากาศชนิดหนึ่งซึ่งออกแบบเฉพาะเพื่อให้เหมาะสมกับการรับสัญญาณจากดาวเทียม ที่ลอยอยู่ในอวกาศและส่งสัญญาณกลับลงมายังพื้นโลก โดยทั่วไปมักมีรูปทรงเป็นรูปจานโค้งแบบพาราโบลา เพื่อให้เกิดการรวมและสะท้อนสัญญาณอย่างมีประสิทธิภาพ พื้นผิวสำหรับของจานรับสัญญาณสามารถเป็นได้ทั้งพื้นผิวแบบทึบ และพื้นผิวแบบโปร่ง ซึ่งพื้นผิวแบบทึบลมจะไม่สามารถผ่านได้จึงต้านลมมากกว่าแบบโปร่ง

ขนาดของจานรับสัญญาณดาวเทียมขึ้นอยู่กับปัจจัยที่สำคัญสองประการ

  1. ขนาดของสัญญาณที่รับมาจากดาวเทียม
  2. ขนาดของสัญญาณรบกวน

ถ้าอัตราส่วนระหว่างสัญญาณจากดาวเทียมกับสัญญาณรบกวนมีค่ามากเท่าใด ขนาดของจานก็จะเล็กมากเท่านั้น สัญญาณรบกวนมีที่มาได้ 3 ทางหลัก ๆ คือ

  1. สัญญาณจากฟากฟ้า
  2. สัญญาณจากพื้นโลกที่มาจากธรรมชาติ
  3. สัญญาณจากพื้นโลกที่มิใช่จากธรรมชาติ (เกิดจากมนุษย์)

โดยปกติแล้วกำลังสัญญาณจากดาวเทียมจะมีค่าต่ำมาก จึงต้องได้รับการขยายสัญญาณจากอุปกรณ์ที่เรียกว่า แอลเอ็นบี (LNB) ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยมีจานดาวเทียมหลากหลายยี่ห้อ เช่น ไทยแซท ไอเดียแซท เคเอสทีวี พีเอสไอ ไอพีเอ็ม ดีทีวี จีเอ็มเอ็มแซท ลีโอเทค คิวแซท ทรูวิชั่น ซีทีเอช ฯลฯ ซึ่งมีทั้งแบบ Free To Air และแบบบอกรับสมาชิก

ระบบจานรับสัญญาณดาวเทียม (ข้อมูลเบื้องต้นประวัติจานดาวเทียม จานดาวเทียม[ลิงก์เสีย])

[แก้]

จานดาวเทียมแบบฟิกซ์ (รับดาวเทียมดวงเดียว)

[แก้]
  • จานดาวเทียมระบบ KU-Band
  • จานดาวเทียมระบบ C-Band
  • จานดาวเทียมระบบ C/KU-Band

จานดาวเทียมแบบมูฟ (รับดาวเทียมได้หลายดวง)

[แก้]
  • จานดาวเทียมแบบมูฟ ระบบ C-Band
  • จานดาวเทียมแบบมูฟ ระบบ C/KU-Band

จานดาวเทียมระบบ C-Band

[แก้]

จานดาวเทียมลักษณะโปร่งคล้ายตะแกรงอะลูมิเนียมชุบดำหรือที่เรียกว่าจานดำ C-Bandจะส่งคลื่นความถี่กลับมายังโลกอยู่ในช่วงความถี่ 3.4 - 4.2 GHz ซึ่งจะมีฟุตปริ้นท์ ที่มีขนาดกว้าง ครอบคลุมพื้นที่ การให้บริการได้หลายประเทศ เช่น ของดาวเทียมไทยคม 2/5 พื้นที่ให้บริการ คือทวีปเอเซีย และยุโรปบางส่วน ข้อดี การเพิ่มจุดรับชมสามารถทำได้ง่ายเนื่องจากรีซีฟเวอร์ระบบราคาไม่แพง ติดตั้งครั้งเดียวจบไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน เพราะเป็นช่องฟรีทีวี ข้อเสีย ขนาดใหญ่ใช้พื้นที่ในการติดตั้ง

จานดาวเทียมระบบ KU-Band

[แก้]

จานสี KU-Band ก็คือ จานดาวเทียมอีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะทึบ โดยจะมีขนาดตั้งแต่ 35 cm., 60 cm. และ 75 cm.จะส่งคลื่นความถี่ 10 - 12 GHz สูงกว่าความถี่ C-Band สัญญาณที่ส่งจะครอบคลุมพื้นที่ได้น้อย จึงเหมาะสำหรับการส่งสัญญาณเฉพาะภายในประเทศ ข้อดี มีขนาดเล็กติดตั้งง่ายใช้พื้นที่ติดตั้งน้อย รายการช่องจะมีมาก และจะมีการผลิตช่องรายการเพิ่มอยู่ตลอดเวลา การเคลื่อนย้ายจารดาวเทียมทำได้ง่าย ข้อเสีย ไม่สามารถรับชมรายการได้ในขณะที่ฝนตกหนักหรือขณะที่ท้องฟ้าครื้มมากๆ

ความแตกต่างระหว่าง C-Band กับ KU-Band

[แก้]

สัญญาณที่ส่งลงมา จากดาวเทียมที่สามารถรับในประเทศไทย ปัจจุบัน จะมีอยู่ 2 ระบบ คือ ระบบ C-Band และ KU-Band ระบบ C-Band จะส่งคลื่นความถี่กลับมายังโลกในช่วงความถี่ 3.4-4.2 GHz แบบนี้จะมีฟุตปริ้นกว้างสามารถส่งสัญญาณครอบคลุมพื้นที่ได้หลายประเทศ ซึ่งสัญญาณดาวเทียมที่รับได้ จากต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะเป็นระบบนี้ แต่เนื่องจากสัญญาณครอบคลุมพื้นที่กว้าง ความเข้มสัญญาณจะต่ำ จึงต้องใช้จานขนาด 4-10 ฟุต รับสัญญาณ ภาพจึงจะชัด (รายการส่วนใหญ่เป็นฟรีทีวีของแต่ละประเทศ และส่วนมากสามารถรับชมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน ) ระบบ KU-Band จะส่งคลื่นความถี่กลับมายังโลกในช่วงความถี่ 10-12 GHz สัญญาณที่ส่งครอบคลุมพื้นที่ได้น้อย ใช้กับการส่งสัญญาณภายในประเทศ ส่วนใหญ่ใช้กับระบบการให้บริการ เคเบิลทีวี ภายในประเทศ ความเข้มสัญญาณจะสูง จึงใช้จานขนาดเล็ก 35-75 ซม. เช่น UBC (การรับทีวีผ่านดาวเทียมในระบบ KU-Band ส่วนใหญ่ต้องสมัครสมาชิกจึงจะรับชมได้)

  1. ความเข้มของสัญญาณในการส่ง C-Band จะเบากว่า Ku-Band เป็นเหตุผลในทางเทคนิค ตามข้อที่ 2
  2. พื้นที่ครอบคลุมของสัญญาณ ( Beam Coverage Area) ระบบ C-Band จะใช้งานเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่รับสัญญาณได้กว้างขวางทั่วทั้งทวีป แต่ระบบ Ku-Band จะใช้เพื่อครอบคลุมพื้นที่เฉพาะในประเทศ ในทางเทคนิคต้องส่งสัญญาณ C-Band ให้มีความเข้มของสัญญาณน้อยกว่า Ku-Band เพื่อไม่ให้เกิดการรบกวนกันได้
  3. ลักษณะของใบจานรับสัญญาณ C-Band จะเป็นตะแกรงโปร่ง หรือทึบ ทรงกลม ขึ้นรูปพาราโบลิค ขนาดทั่วไปเส้นผ่าศูนย์กลาง 4.5 - 10 ฟุต ส่วน Ku-Band จะเป็นจานทึบ Offset รูปไข่ ขนาด 0.35 - 1.80 เมตร
  4. ขนาดของจานรับสัญญาณดาวเทียม จากเหตุผลข้อที่ 1 ทำให้ระบบ Ku-Band สามารถใช้ใบจานขนาดเล็กกว่า C-Band ค่อนข้างมาก ตัวอย่างเช่น UBC จะใช้ใบจาน offset ขนาด 35 - 75 ซม. ก็สามารถรับสัญญาณได้ดี ในขณะที่ระบบ C-Band ต้องใช้จานขนาดใหญ่กว่าถึง 2-3 เท่า เพื่อให้รับสัญญาณได้ดี
  5. ลักษณะของแผ่นสะท้อนของใบจาน ระบบ Ku-Band จะเป็นโลหะแผ่นเรียบจะเป็นอลูมีเนียม หรือ เหล็กชุบสี ในขณะที่ C-Band ส่วนใหญ่จะเป็นตะแกรงปั้มเป็นรูเล็กๆ จาน C-Band จานแบบทึบมีให้เห็นบ้างแต่น้อยมาก และไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากน้ำหนักมาก และต้านลม แล้วถ้าหากว่า จะใช้จานแบบ C-Band รับสัญญาณระบบ Ku-Band ได้หรือไม่
ตอบว่าได้แต่ในทางกลับกันจะเอาจาน Ku-Band มารับสัญญาณ C-Band ไม่ได้ นอกจากจะใช้จานขนาดใหญ่จริง ๆ 
  1. หัวรับสัญญาณ ซึ่งในทางเทคนิคเรียกว่า LNBF (Low Noise Block Down Frequency) เป็นตัวแปลงสัญญาณความถี่สูงให้ตำลงมาจนเหมาะสมกับภาครับของเครื่องรับสัญญาณ (Receiver) ซึ่งระบบ C-band จะรองรับความถี่ 3.4-4.2 GHz ในขณะที่ Ku-Band รองรับความถี่ 10-12 GHz จึงใช้แทนกันไม่ได้ อาจมีบางรุ่นที่ทำแบบ 2 in 1 คือ เอาหัว 2 ระบบบรรจุไว้ใน Case เดียวกัน
  2. เครื่องรับสัญญาณ (Receiver) โดยทั่วไปไม่แตกต่างกันนอกจากผู้ผลิตจะเจตนาให้ตัวเครื่องรับได้เฉพาะระบบ เช่น เครื่องรับสัญญาณของ UBC จะไม่สามรถนำมาใช้รับสัญญาณระบบ C-Band ได้ โดยทั่วไปเครื่องรับสามารถรับสัญญาณได้ทั้ง 2 ระบบ เพียงตั้งค่า LNBF ให้ถูกต้องเท่านั้นเอง

ข้อควรรู้เพิ่มเติม คือ ระบบ Ku-Band เป็นระบบที่ส่งสัญญาณด้วยความถี่สูง ซึ่งจะมีปัญหาการรับสัญญาณในขณะฝนตกหนัก การเพิ่มขนาดใบจานอาจช่วยได้บ้างแต่ถ้าฝนตกหนัก เมฆหนาทึบ จะรับสัญญาณไม่ได้ ในขณะที่ C-Band จะเหนือกว่าตรงที่ไม่มีปัญหาขณะฝนตก

วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2568

คําคมชีวิตต้องสู้ให้คุณพยายามทำต่อไป

 ใครที่กำลังพยายามทำเป้าหมายของตัวเองให้สำเร็จอยู่ เราก็ได้รวบรวมคําคมชีวิตต้องสู้เพื่อเป็นกำลังใจให้คุณสู้ต่อไปอย่างไม่หยุด โดยมีดังนี้

  • ถ้าเชื่อว่าไม่แพ้เราก็จะไม่แพ้
  • กำลังใจที่ดีคือกำลังใจจากตัวเอง
  • จงก้าวไปข้างหน้าถึงจะช้าแต่ก็ยังดีกว่าถอยหลัง
  • ยังหาย ใจ อยู่ ก็ สู้ ต่อไป
  • ไปให้สุดอย่ายอมหยุดเพียงเพราะเหนื่อย
  • เรามีต้นทุนน้อยกว่าเขา เราก็ต้องดิ้นรนมากกว่าเขา
  • ถ้าล้มเราอาจจะได้แผล ถ้ายอมแพ้เราอาจจะไม่ได้อะไรเลย
  • ความพ่ายแพ้จะไม่มีวันสูญเปล่า ถ้าเรารู้จักเอามาเป็นบทเรียน
  • ผู้ชนะ ไม่ใช่คนที่ไม่เคยล้มเหลว แต่เป็นคนที่ไม่เคยล้มเลิก ในสิ่งที่ตัวเองทำ
  • อย่าท้อกับชีวิต แม้วันนี้มันไม่ดี ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ดีเสมอไป
  • ชีวิตเราเริ่มใหม่ได้เสมอ ถ้าเราไม่คิดจะยอมแพ้
  • อย่าอ้างต้นทุนชีวิตว่าต่ำกว่าใคร ผลกำไรขึ้นอยู่ที่ใจและความพยายาม
  • ท้องฟ้ากว่ามันจะสว่าง มันก็ต้องผ่าน ความมืดมิดมาก่อน
  • ชีวิตคือการผจญภัยที่กล้าหาญ หรือเลือกที่ไม่มีอะไรเลย
  • ทุกเส้นทางถูกลิขิตไว้แล้ว แต่ทางที่เลือกเดิน มันขึ้นอยู่ที่ตัวเราเอง

คําคมชีวิตต้องสู้เพิ่มพลังบวกให้ตัวเอง

 สำหรับใครที่กำลังหมดไฟ ท้อแท้ ไม่อยากจะก้าวต่อไปแล้ว เราก็ได้รวบรวมคําคมชีวิตต้องสู้เพื่อเพิ่มพลังบวกให้คุณมีแรงใจกลับมาเริ่มใหม่อีกครั้ง โดยมีดังนี้

  • พอใจเท่าที่มี ยินดีเท่าที่ได้
  • เดินหน้าไม่ได้อยู่ที่ขาแต่อยู่ที่ใจ
  • อย่าเติมเต็มชีวิตด้วยความเครียด
  • ชีวิตเราเริ่มใหม่ได้เสมอ ถ้าเราไม่คิดจะล้มเลิก
  • ชีวิตคนเรามันไม่ได้ง่าย มันท้าทายเสมอ
  • จงปล่อยวางกับเรื่องที่ควบคุมไม่ได้
  • ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
  • โลกใบนี้มันมีไว้เหยียบไม่ได้มีไว้แบก
  • ทุกความเจ็บปวดล้วนทำให้เราเติบโต
  • หมื่นทางตันยังมีทางหนึ่งให้ออกเสมอ
  • ฝึกทิ้งขยะในใจให้เหมือนทิ้งขยะในมือ
  • พักเมื่อท้อไปต่อเมื่อพร้อม
  • มันก็เป็นแค่วันแย่ๆ แต่ไม่ใช่ทั้งชีวิตหรอกที่แย่
  • เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องอดทน เพราะความจนมันน่ากลัว
  • พึ่งคนอื่น พึ่งได้แค่ชั่วคราว ถ้าอยากพึ่งยาวๆ ต้องพึ่งตัวเราเอง
  • ชีวิตที่ผ่านมาคือครู ชีวิตที่เหลืออยู่คือโอกาส
  • จงใช้อดีตให้เป็นแรงผลักดัน​ ไม่ใช่แรงบั่นทอน
  • การได้ตื่นมาใช้ชีวิตในทุกๆ วัน คือโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว
  • ทุกๆ เช้าวันใหม่จะมาพร้อมกับโอกาสให้เราเริ่มต้นอีกครั้ง
  • สิ่งที่กำลังจะมาถึงย่อมดีกว่าที่สิ่งผ่านไปแล้วแน่นอน
  • อย่าไปเสียดายกับเรื่องที่ผ่านมาแต่จงมีความสุขกับเวลาที่เหลือ
  • ความสุขทำให้เรามีรอยยิ้ม ความทุกข์ที่เราผ่านได้ก็เช่นกัน
  • นกไม่กลัวกิ่งไม้หัก ไม่ใช่มันมั่นใจในกิ่งไม้ แต่มันมั่นใจในปีกของมัน
  • ธรรมชาติสร้างอุปสรรคขึ้นมาเพื่อให้เรารู้จักคำว่าการต่อสู้ในชีวิต
  • จงยิ้มให้กับความหวังและเพิ่มพลังให้กับชีวิต
  • แสงของวันใหม่มาพร้อมกับโอกาสใหม่ๆ เสมอ
  • อย่าเสียใจที่มันได้จบลง แต่จงขอบคุณที่มันเคยเกิดขึ้น
  • ไม่ต้องยืนให้สูง ไม่ต้องยืนให้เด่น ขอแค่ยืนให้เป็น แล้วไม่ล้มก็พอ
  • ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป แม้กระทั่งความทุกข์ที่เข้ามา แต่เดี๋ยวก็จะจากไป
  • ชีวิตมีอุปสรรคมากมาย​สิ่งสำคัญคือล้มเเล้วต้องรีบลุก
  • ถ้าวันนี้ไม่รู้จะยิ้มกับใครยิ้มกับตัวเองในกระจกก็ได้นะ
  • ทุกเช้าอาจไม่ดีแต่มีบางสิ่งที่ดีในทุกวัน
  • ขอบคุณความไม่มี ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้
  • ความหวัง คือสิ่งเดียว ที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ต่อได้
  • เขียนไว้ในใจว่าเช้าทุกวันเป็นวันที่ดีที่สุดในปี
  • ลุกขึ้นเริ่มต้นใหม่มองเห็นโอกาสที่สดใสในแต่ละวัน
  • ถนนบางสายไกลหน่อยแต่ก็ยังมีวันถึง
  • ให้ที่ดีคือให้อภัยให้ต่อไปคือให้โอกาสตัวเอง
  • ความสุขไม่ใช่การมีครบทุกอย่าง แต่ความสุขคือการปล่อยผ่านสิ่งที่ไม่จำเป็น
  • ถึงวันนี้เป้าหมายยังอยู่อีกไกล เดินไปพักไป แต่ถ้ายังมีลมหายใจยังไงก็ถึง
  • ผู้ที่แข็งแกร่งคือผู้ที่กล้ายิ้มให้ความทุกข์ ผู้ที่มีความสุขคือผู้ที่หัวเราะให้อุปสรรค
  • คืนใดมืดที่สุดจะเห็นดาวชัดที่สุด วันใดทุกข์ที่สุดจะเห็นว่าใครรักเรามากที่สุด